หากคุณกำลังเจอกับปัญหาผมร่วงมากกว่าปกติ คุณไม่ได้เผชิญสิ่งนี้เพียงลำพัง เพราะภาวะผมร่วง (Hair Loss หรือ Alopecia) เป็นปัญหาที่พบบ่อย และมีชาวอเมริกันกว่า 80 ล้านคน ที่ประสบปัญหานี้

ผมร่วงแค่ไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ?

โดยทั่วไปแล้ว คนเราจะสูญเสียเส้นผมประมาณ 100 เส้นต่อวัน และจะมีเส้นใหม่งอกขึ้นมาทดแทนโดยที่แทบไม่สังเกตเห็นความแตกต่าง แต่หากเส้นผมงอกกลับมาน้อยลงหรือไม่งอกเลย จนเริ่มเห็นแนวผมถอยร่นหรือบางลง อาจเป็นสัญญาณของภาวะผมร่วงที่ควรใส่ใจ

แพทย์ผิวหนัง Wilma Bergfeld, MD แนะนำวิธีรับมือกับปัญหานี้ รวมถึงสิ่งที่อาจเป็นสาเหตุ และโอกาสในการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง

วิธีหยุดผมร่วง

ปัญหาผมร่วงไม่เพียงกระทบต่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังอาจสร้างความเครียดและบั่นทอนความมั่นใจได้ด้วย ซึ่งคุณสามารถเริ่มดูแลตัวเองได้ดังนี้

1. กินโปรตีนให้เพียงพอ

โปรตีนคือสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม หากคุณเป็นมังสวิรัติหรือทานโปรตีนน้อย อาจทำให้ผมร่วงได้

• ผู้ใหญ่ควรได้รับโปรตีน 40–60 กรัมต่อวัน

• สามารถเลือกจากแหล่งอาหาร เช่น ถั่ว พืชตระกูลถั่ว ไข่ และโยเกิร์ตกรีก

• หากไม่สะดวกทานจากอาหาร สามารถเสริมด้วยโปรตีนเชคได้

2. เสริมวิตามินและแร่ธาตุ

วิตามินและแร่ธาตุบางชนิดช่วยบำรุงรากผม เช่น วิตามิน A, B, C, D, สังกะสี และธาตุเหล็ก

• แพทย์อาจตรวจเลือดเพื่อหาภาวะขาดวิตามิน

• อาหารเสริมที่นิยม เช่น ไบโอตินผสมสังกะสี

• ผลิตภัณฑ์เสริมใหม่ ๆ ที่มี ปาล์มเลื้อย แคลเซียม ซีลีเนียม ก็อาจช่วยได้

3. เลือกอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน

อาหารที่อุดมด้วย ผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา ถั่ว และน้ำมันมะกอก ช่วยบำรุงเส้นผมได้ดีกว่าอาหารลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ซึ่งมักขาดสารอาหารสำคัญต่อเส้นผม

4. ใช้ยาลดผมร่วงที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์

Minoxidil (ไมโนซิดิล) เป็นตัวยาที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) รับรอง มีทั้งแบบน้ำยาและโฟมเข้มข้น 5%

• มีการวิจัยยืนยันว่าช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม

• ปัจจุบันยังมีการศึกษาการใช้ ไมโนซิดิลแบบรับประทานขนาดต่ำ ซึ่งอาจเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัย

5. ทดลองการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ระดับต่ำ (Low-Level Laser Therapy)

อุปกรณ์ เช่น หมวกเลเซอร์หรือหวีเลเซอร์ ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าสามารถช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม

• ราคาอาจค่อนข้างสูง (200–1,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

• ผลข้างเคียงที่พบน้อยที่สุดคือ หนังศีรษะคล้ำหรือแดงเล็กน้อย ซึ่งแก้ไขได้ง่าย

6. ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

• หลีกเลี่ยงการทำผมที่รุนแรง เช่น การย้อม ฟอก ดัด หรือใช้ความร้อนจัด

• หลีกเลี่ยงทรงผมที่รัดแน่น เช่น หางม้าและการถักเปีย

• รักษาความสะอาดหนังศีรษะ สระผมสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเกิดการอักเสบ

👉 การเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยนและช่วยลดการขาดร่วงก็สำคัญเช่นกันตัวอย่างเช่น Takane Caffeine & Biotin Anti-Hair Loss Shampoo ที่ผสาน คาเฟอีนและไบโอติน ซึ่งมีงานวิจัยสนับสนุนว่าช่วยกระตุ้นรากผม เสริมความแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง และบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแล

ปัญหาผมร่วงตั้งแต่ขั้นตอนการสระผมในชีวิตประจำวัน

สาเหตุที่ทำให้ผมร่วง

• พันธุกรรม

• ความเครียด

• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (เช่น การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน)

• ทรงผมที่ดึงรั้งหนังศีรษะ

• การทำเคมีบำบัด ดัด ฟอก ย้อมผม

• ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด

• โรคบางชนิด เช่น การติดเชื้อรา โรคต่อมไทรอยด์

ผมร่วงสามารถรักษาให้กลับมาได้หรือไม่?

คำตอบคือ ทั้งใช่และไม่ใช่

• หากเป็นภาวะผมร่วงถาวร เช่น Cicatricial Alopecia ผมจะไม่สามารถงอกกลับมาได้

• แต่หากเกิดจากความเครียด ฮอร์โมน หรือภาวะสุขภาพบางอย่าง เมื่อแก้ไขสาเหตุได้ ผมมักจะงอกกลับมาใน 4–12 เดือน

✨ สรุปคือ หากคุณดูแลสุขภาพให้ครบทั้งโภชนาการ วิตามิน การใช้ยา การรักษาสมัยใหม่ รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่เหมาะสม เช่น Takane Caffeine & Biotin Anti-Hair Loss Shampoo ก็สามารถช่วยชะลอและลดการหลุดร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ